Search


ผมอ่านแล้วถึงบางอ้อเลย...

ว่าทำ...

  • Share this:


ผมอ่านแล้วถึงบางอ้อเลย...

ว่าทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงได้กลับมาเจริญได้อย่างรวดเร็ว หลังจากแพ้สงคราม!

ลองอ่านบทความดีๆ นี้กันครับ ...

Un+ Chirdpong (อั๋น เชิดพงษ์)

----

(ใครที่สนใจ ศึกษาภาษาญี่ปุ่นอยู่ ก็ตามเพจนี้ได้เลยครับ ได้ทั้งหลักคิด เกร็ดภาษาญี่ปุ่น พร้อมทั้งวัฒนธรรมต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นไปด้วย)

8 อย่างที่ญี่ปุ่นได้สอนฉัน ตอนที่1
「日本が私に教えてくれた8つの事」

เกือบ 7 ปีที่ได้ใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ในหลายบทบาท
ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็น visitor จนได้ทำงานเป็น salary woman
จากคำถามที่ว่า “การใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ทำให้เราเติบโตขึ้นอย่างไรบ้าง”

เมย์ได้ลองกลั่นกรองจากประสบการ์ณที่เจอมา
มองหาบทเรียนที่คล้ายคลึงกัน จนสรุปออกมาได้ 8 ข้อ
***หัวข้อสรุปออกมาเรียบร้อยแล้ว ดูไว้ก่อนเผื่อถ้าน่าสนใจจะได้อ่านต่อค่ะ :)***

***************************
1.สอนให้เห็นคุณค่าของเวลา

จากบทความที่เคยเขียนมา**
เมย์รู้สึกได้ว่าคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อเวลามาก
หลายวินาทีที่เสียไปสามารถทำงานบางชิ้น
ทำภารกิจบางอย่างให้เสร็จสิ้น
ทั้งเรื่องของตัวเอง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

เพราะในชีวิตการทำงานปัจจุบัน ในสถานการณ์ที่ไม่เร่งรีบมากนัก
เรามักจะอะลุ่มอะล่วยให้กับตัวเอง
โดยคิดแค่ว่า “สายนิดหน่อยน่า” หรือ “แค่ 5 นาที เอง”
ถ้าเปรียบหน่วยวินาทีเหมือนเงิน 1 บาท
5นาทีที่หายไปเราเสียเงินไปแล้วเท่าไหร่?

**บทความชื่อ “ความแตกต่างระหว่าง 5 นาที กับ 300 วินาที”
เขียนไว้เมื่อ 27 June 2014

***************************
2.สอนให้รู้จักคิดถึงผู้อื่น

สืบเนื่องจากข้อแรก เมื่อเราผ่อนผันให้ตัวเอง
เราอาจคิดว่า เราไม่ได้ไปยุ่งกับเวลาของใคร
อาจดูเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว
แท้จริงแล้ว ทุกสิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้อื่นไม่มากก็น้อย

อย่างเช่น การฟังเพลงผ่านหูฟังขณะยืนอยู่บนรถไฟ
ดูเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าฟังเพลงที่ดังเกินไป
คนที่นั่งข้างๆอาจรู้สึกรำคาญ
หรือขัดสมาธิคนที่กำลังใช้ความคิด

คนญี่ปุ่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเมย์ มักสอนว่า
“จะทำอะไร คิดให้มากๆๆๆๆๆถึงคนรอบข้าง
ว่าเขาจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง”

คนไทยมักถือคติสุดฮิต คือ“ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้”
มองแบบผิวเผินคือ “ฉันมี”สิทธิ์”ที่จะทำอะไรก็ได้ ที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน”
ถ้าได้ฉุกคิดว่า “อะไร” ที่ว่านั้น ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างไรบ้าง
เราก็จะพบว่า “อะไรก็ได้” ก็มีขอบเขตที่ทำได้และไม่ควรทำเหมือนกัน

นอกจากนี้ การคำนึงถึงผู้อื่น ไม่ใช่แค่กับคนเท่านั้น
คนญี่ปุ่นมักพูดก่อนทานอาหารว่า “ทานล่ะนะคะ/ครับ” (いただきます)
และพูดหลังทานอาหารว่า “ขอบคุณค่ะ/ครับ อิ่มแล้ว”(ご馳走様でした)
เพื่อนึกถึง ชีวิตของสัตว์ และพืชผลที่ได้ถูกนำมาปรุงเป็นอาหาร
เพื่อใช้เป็นพลังงานในการดำรงชีวิตของเรา

***************************
3.สอนให้เป็นคนช่างสังเกต
อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเคยสอนกรณีศึกษาเรื่องหนึ่ง
เกี่ยวกับ ลักษณะนิสัยของคนญี่ปุ่นและคนอเมริกา ผ่านแม่บ้าน

เปรียบเทียบว่า ถ้าแม่บ้าน 2 คนนี้จะต้องเสิร์ฟเครื่องดื่มในห้องประชุม
แม่บ้านชาวอเมริกา จะถามก่อนว่า “คุณต้องการชาหรือกาแฟคะ?”
ในขณะที่แม่บ้านชาวญี่ปุ่น จะถามว่า “รับชาไหมคะ?”

การถามของแม่บ้าน 2 ท่านนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม

อเมริกา…. มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติโดยมุ่งไปยังประเด็น
เพื่อให้ได้ผลที่เร็วที่สุด (ถามตรงๆเลยว่าจะเอาชาหรือกาแฟ)

ในขณะที่ญี่ปุ่น……มีแนวโน้มที่จะประเมินสถานการณ์ด้วยตัวเอง
ก่อนปฏิบัติ (เมื่อประเมินจากผู้เข้าร่วม สภาพอากาศในห้องประชุม
ฯลฯ แล้ว ผู้เข้าประชุมน่าจะอยากดื่มชา)

ภาษาญี่ปุ่น เรียกการกระทำแบบนี้ว่า “การอ่านบรรยากาศ”
(空気を読む หรือ K.Y. ในภาษาวัยรุ่น)

เป็นทักษะที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็มีไม่เท่ากัน
ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนตัว

ส่วนตัวเมย์ ข้อนี้เคยถูกฝึกมาอย่างหนักสมัยทำงานใหม่ๆ
ทำให้ได้ทักษะนี้ติดตัวมาบ้างค่ะ

To be continued

May YouWorld


Tags:

About author
Un+ Chirdpong (อั๋น เชิดพงษ์) ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย CEO - iClass "เปลี่ยน Facebook เป็นห้องเรียน" ผู้สร้างและอยู่เบื้องหลังผลงาน iClass 1-16 และ iSpeed#1 ผู้ก่อตั้งสัมมนา ตั้งเป้าให้ทะลุ The meeting / ตั้งเป้าให้ทะลุ Coaching program เจ้าของผลงาน S-Book นวัตกรรมใหม่ของหนังสือโลก ผู้จุดกระแส การเรียน Online ผ่าน เฟสบุ๊ค และผู้วางแผนการตลาด ขายนสิ่งที่มองไม่เห็น จนเป็นที่นิยม และเป็นกระแส ในปัจจุบัน ผลงานอื่นๆ: Producer หนังสือเสียง: - ตั้งเป้าใหญ่ ให้ไฟลุก - The Complete Law of Success (10 Disc Box set) - The Complete law of riches (10 Disc Box set) - The Complete law of Inner Power (10 Disc Box set) ติดต่องาน Line: @iClass
เพจที่รวบรวมความรู้ ข้อคิด จากหนังสือ best seller
View all posts